ใช้มือถือ อย่างฉลาด เพื่อสายตาอยู่กับเรา นานนาน

ใช้มือถือ อย่างฉลาด เพื่อสายตาอยู่กับเรา นานนาน

use smart phone smartly

ในยุคที่โลกไอทีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน อุปกรณ์ติดต่อสื่อสารอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ แทบจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่หลายคนพกติดไว้ไม่ห่างกาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เรียกว่าเป็น “สังคมก้มหน้า” ที่ต่างคนต่างจดจ่ออยู่กับอุปกรณ์เทคโนโลยีตรงหน้าแบบไม่สนใจใคร
พญ. โสมสราญ วัฒนะโชติ ผู้อำนวยการศูนย์จักษุกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้กรุณาให้ความรู้เรื่องผลเสียของการใช้เทคโนโลยีที่มากเกินพอดี อันนำไปสู่ภาวะสายตาที่ผิดปกติ
โดยทั่วไปคนเราจะกระพริบตาประมาณ 20 ครั้งต่อนาที เพื่อให้ดวงตาได้รับความชุ่มชื้น แต่ขณะที่ใช้โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตนั้น การจ้องหน้าจอเป็นระยะเวลามากกว่า 40 นาที จะส่งผลให้เลนส์ตาเกร็งตัวเป็นเวลานาน อัตราการกระพริบตาลดลง อีกทั้งแสง UV และแสงสีฟ้าที่สะท้อนออกมายังสามารถทำลายดวงตาให้ผิดปกติได้ นอกจากนี้ ยังประกอบไปด้วยปัจจัย เช่น หน้าจอเล็ก แสงสว่างในบริเวณนั้นๆ มีไม่เพียงพอ หรือแม้แต่แสงจากภายนอกที่เข้ามาปะทะหน้าจอแล้วสะท้อนเข้าตาผู้ใช้ ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ตาแห้งแสบตา เกิดปัญหาการยืดหยุ่นของเลนส์จนกล้ามเนื้อตาเป็นตะคริวทำให้เกิดการมองเห็นที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสายตา อาการคอมพิวเตอร์วิชชั่น ซินโดรม โรคต้อเนื้อ ต้อลม และจอประสาทตาเสื่อมได้”
ภาวะสายตาผิดปกติอาจแยกออกได้เป็นสายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด สายตาเอียง และสายตายาวตามอายุ ซึ่งทางเลือกในการแก้ไขนั้นมีหลายวิธี เช่น ใส่แว่นสายตา ใส่คอนแทคเลนส์ หรืออีกวิธีหนึ่งที่นับว่ามีความทันสมัยในปัจจุบันนั้นก็คือการผ่าตัด ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ไล่เรียงตั้งแต่วิธีกรีดกระจกตา ขัดผิวกระจกตา มาจนถึงวิธีที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัย แม่นยำ และทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ตัดปัญหาเรื่องการใส่แว่นหรือหลีกเลี่ยงการติดเชื้อจากใส่คอนแทคเลนส์นานๆ นั่นก็คือ LASIK (เลสิก) ที่ต่อมาได้พัฒนาไปถึงเทคนิคที่ว่าด้วยการทำเลเซอร์ทุกขั้นตอน หรือ FemtoLASIK และ ReLEx (Refractive Lenticule Extraction)

โดย ReLEX ของศูนย์เลสิกกรงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพเลือกใช้นวัตกรรมเครื่องแยกชั้นกระจกตา Femtosecond laser รุ่น VisuMax ที่สามารถแยกผิวกระจกตาได้อย่างเรียบเนียนอ่อนโยนต่อดวงตา ลดความคลาดเคลื่อนในการแยกชั้นกระจกตา และสามารถปรับความโค้งกระจกตาให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ReLEX แบ่งออกเป็น 2 วิธีด้วยกันคือ
“วิธีที่หนึ่ง ReLEX : FLEX (Femto second Lenticule extraction) เป็นการยิงเลเซอร์แยกชั้นกระจกตาออกเป็นฝากระจกตาคล้าย FemtoLASIK แล้วจึงนำกระจกตาที่แยกไว้เป็นเลนส์ออก จากนั้นจึงปิดฝากระจกตาให้กลับสู่สภาพเดิม วิธีต่อมาคือ ReLEX : SMILE (Small Incision Lenticule Extraction) เป็นการผ่าตัดแผลเล็ก (Minimally Invasive Refractive Surgery) โดยยิง Femtosecond laser แยกชั้นกระจกตาให้เป็นเลนส์ในเนื้อกระจกตา แล้วนำเนื้อส่วนนี้ออก ผ่านแผลกระจกตาซึ่งมีขนาดเล็กเพียง 2-5 มิลลิเมตร คนไข้จึงรู้สึกสบายตาในขณะผ่าตัด ซึ่งทั้งสองวิธีนี้จะลดการรบกวนกระจกตา ทำให้ผลข้างเคียงน้อย และมีความแม่นยำในการรักษา ซึ่งการทำ ReLEX เป็นการแยกชั้นกระจกตา จึงไม่เหมาะสมกับผู้ที่เลนส์ตาบางเกินไปและสายตาที่สั้นมากๆ”
“วิธีการผ่าตัด คนไข้จะได้รับการหยอดยาปฏิชีวนะและยาชาในตา ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการแยกชั้นกระจกตา แล้วใช้ Excimer laser ปรับแต่งให้มีความโค้งที่เหมาะสม จากนั้นจึงล้างทำความสะอาดแผลและปิดกระจกตาที่แยกไว้กลับเข้าที่เดิม ซึ่งผิวกระจกตาจะสมานตัวได้เอง รวมระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 15 นาทีเท่านั้น คนไข้จะได้รับการปิดฝาครอบตาซึ่งมีความใสและมีรูเล็กๆ มองลอดผ่านได้ สามารถใช้สายตาได้ปกติและกลับไปปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ทันที แต่ควรพักสายตาเป็นระยะ ระวังไม่ให้น้ำเข้าตา หมั่นหยอดยาป้องกันการติดเชื้อ งดขยี้ตา งดแต่งหน้าอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ใส่แว่นกันแดดเมื่อต้องอยู่ในบริเวณที่มีแสงจ้า ในห้องควร ติดตั้ง ม่านปรับแสง หรือ มู่ลี่ เพื่อป้องกัน แสงเข้ามามากเกินไป  รวมทั้ง 2 วันแรกควรจะลดการใช้สมาร์ทโฟน เพื่อป้องกันการใช้สายตาที่มากเกินไป และมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ”
นอกจากนี้ คุณหมอทิ้งท้ายให้กับคนรุ่นไหนใช้ชีวิตติดจอ แนะหยุดพักเมื่อ ‘ตาล้า’ ลดปัญหาเรื้อรัง
ขณะใช้อุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ ไม่ควรเพ่งมาก หยุดพักสายตาทุกๆ 30 นาที
ปรับแสงหน้าจอและแสงสว่างภายในห้องได้เหมาะสม
ควรดูแลสุขภาพจากภายในด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงสายตา เช่น วิตามินเอ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยถนอมดวงตาไม่ให้โดนทำลาย
รวมทั้งการมีจิตใจและสมองที่ปลอดโปร่ง หันมาพูดคุยกับคนรอบข้างบ้าง ก็จะทำให้คุณมองเห็นอะไรๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Related posts

Leave a Comment